Quantcast
Channel: Comtoday นิตยสารไอที สนุก ง่าย อ่านได้ทุกคน – techhub
Viewing all articles
Browse latest Browse all 86

Youtube Editor ไม่ใช่แค่อัพ แต่ตัดฉับๆ ก็

$
0
0

เคยอัพโหลดวิดีโอกันไหมครับ? Youtube เป็นเว็บวิดีโอที่เปิดให้เราสามารถอัพโหลดวิดีโอขึ้นไปแชร์ให้คนทั่วโลกชมได้ฟรี ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น รวมถึงอัพโหลดจากอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนด้วย ทำให้เกิดความสะดวกมากมาย ก็อัพกันไป…
แต่จะมีใครรู้บ้างว่า นอกจากความสามารถในการอัพโหลดวิดีโอให้คนอื่นๆ ได้ชมกันแล้ว Youtube ยังมีเครื่องมือที่ใช้ในการตัดต่อวิดีโอมาให้ด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในรูปแบบ Cloud หรือกรณีที่ถ่ายและอัพโหลดจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถตัดต่อได้ในตัว ก็สามารถเลือกตัดต่อด้วยเครื่องมือบน Youtube ได้เช่นเดียวกัน

การเรียกใช้งาน Youtube Editor
การใช้งาน Youtube Editor นั้นคุณจะต้องมีบัญชีของ Gmail หรือ Google เสียก่อนนะครับ แน่นอนว่าใครที่ใช้งาน Youtube ในการอัพโหลดวิดีโออยู่แล้วคงต้องมี ถ้าไม่มีก็ไม่สามารถอัพโหลดไฟล์วิดีโอได้อยู่แล้ว ดังนั้นถือว่าทุกคนมีกันพร้อมอยู่แล้วนะครับ
001
1. เริ่มต้นให้เข้าไปที่เว็บ www.youtube.com/editor ได้เลย ซึ่งนี่เป็นลิงก์ตรงที่ไปสู่หน้าเว็บสำหรับการตัดต่อ (รูป 1)
002
2. หรือสำหรับคนที่อยู่ในหน้าอัพโหลดวิดีโอ ที่ด้านขวาของหน้าเว็บจะมีลิงก์ที่เชิญชวนให้คุณลองใช้เครื่องมือ Editor อยู่ ก็สามารถคลิกเข้าไปได้เช่นเดียวกัน (รูป 2)
003
3. ไม่ว่าจะเข้าด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็จะได้เข้ามาที่หน้า Editor ซึ่งจะคล้ายๆ กับโปรแกรมตัดต่อทั่วไป (รูป 3)
– พื้นที่สีดำด้านซ้ายคือพื้นที่พรีวิว ซึ่งวิดีโอที่เราตัดต่อแล้วจะมาแสดงพรีวิวในบริเวณนี้
– พื้นที่ช่องๆ ด้านซ้าย คือวิดีโอที่คุณเคยอัพโหลดไว้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณสามารถดึงมาตัดได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ เช่นคลิปวิดีโอ เพลง และ Transition ด้วย
– แถบด้านล่างเป็น Timeline ที่ไว้ใช้นำคลิปต่างๆ มาร้อยเรียงกันให้เป็นคลิปใหม่ ซึ่งเหมือนกับโปรแกรมตัดต่อทั่วไป โดยแบ่งเป็น 2 บรรทัดคือคลิปกับเสียงแยกกัน
004
4. การใช้งานนั้นง่ายมาก เพียงแค่ลากคลิปวิดีโอจากพื้นที่ทางขวาที่เราได้อัพโหลดไว้เรียบร้อยแล้ว ลงมาที่ส่วนของ Timeline ในบรรทัดแรกที่ใช้สำหรับวางคลิปวิดีโอ (รูป 4)
005
5. เมื่อวางคลิปวิดีโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พื้นที่ทางด้านซ้ายจะปรากฏภาพพรีวิวขึ้นมา ส่วนพื้นที่ทางขวาจะปรากฏแผงการตั้งค่าคลิปวิดีโอที่สามารถปรับแต่งวิดีโอได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีสัน ความสว่าง การหมุนภาพวิดีโอให้ตรงตามแนวที่ถ่ายมา รวมถึงปรับระดับความเร็วในการเล่นคลิปวิดีโอได้ด้วย (รูป 5)
006
6. ในขณะเดียวกันที่เราเลือกคลิปไว้ จะสังเกตว่ามีแถบสีฟ้าปรากฏขึ้นมาที่สองข้างของคลิปใน Timeline ซึ่งคุณสามารถใช้ลากเพื่อกำหนดว่าจะตัดส่วนใดของคลิปมาใช้งานบ้าง (ตัดหัว ตัดท้าย เอาเฉพาะส่วนที่ต้องการ) (รูป 6)
007
7. จากนั้นก็ลากคลิปที่เหลือที่เราต้องการนำมาเรียงกันลงมาเรียงใส่ Timeline เรื่อยๆ โดยวางตามลำดับ และทำการตัดคลิปให้เรียบร้อยพร้อมปรับสีสันต่างๆ เตรียมเอาไว้จนได้ครบตามที่เราต้องการ โดยคุณสามารถลากคลิปเดิมที่เคยลากมาใส่แล้วลงมาใส่ซ้ำได้อีก โดยอาจจะเลือกช่วงของคลิปที่แตกต่างกันไป หรืออาจจะเลือกช่วงของคลิปเดียวกันเพื่อเล่นซ้ำก็ได้เช่นกัน (รูป 7)
008
8. นอกจากคลิปวิดีโอที่เราอัพโหลดไว้แล้ว ทาง Youtube ยังมีคลิปสวยๆ เตรียมไว้ให้ส่วนหนึ่ง ซึ่งคุณสามารถหยิบมาใส่ได้ โดยส่วนนี้จะเรียกว่า Creative Common หรือ CC แต่ต้องบอกก่อนว่าภาพใน Creative Common ส่วนใหญ่จะเป็นภาพทั่วไปมากๆ ภาพวิว เหมือนถ่ายไปเรื่อยเปื่อย ทั้งนี้คุณสามารถนำมาใช้งานได้โดยไม่ติดเรื่องลิขสิทธิ์นะครับ (รูป 8)
009
9. ส่วนที่สำคัญอีกส่วนที่จะขาดไม่ได้สำหรับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอก็คือ Transition นั่นเอง ซึ่งมันจะเป็นการเชื่อมคลิปวิดีโอ 2 ชิ้นเข้าหากันแบบเนียน โดยจะมีอยู่หลากหลายรูปแบบให้เลือกเช่นเดียวกัน ถ้านึกไม่ออกว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไรก็ลองเอาไปใช้ดูแล้วกันครับ (รูป 9)
010
10. วิธีการใช้งาน Transition ก็เพียงแค่ลากลงมาวางที่ Timeline เช่นเดียวกับคลิปปกติ แต่เวลาวาง เราจะต้องวางให้อยู่ระหว่างคลิป 2 คลิป เพื่อใช้เป็นตัวเชื่อมคลิปเข้าด้วยกันนั่นเอง และสังเกตดูว่า Transition นี้จะมีแถบสีฟ้าเช่นเดียวกัน ซึ่งคุณสามารถปรับระยะเวลาในการเชื่อมคลิปได้ด้วยว่าต้องการใช้เอฟเฟ็กต์นี้นานขนาดไหน (รูป 10)
011
11. การปรับแต่ง Transition จะมีไม่มากเท่ากับคลิป และจะแตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบ ซึ่งคุณสามารถปรับเล่นดูได้ แต่ Transition บางแบบก็ไม่มีให้ปรับอะไรเลยเหมือนกัน (รูป 11)
012
12. สำหรับอีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องเสียง ซึ่ง Youtube ได้เตรียมเสียงดนตรีประกอบไว้ให้เราด้วยเช่นเดียวกัน โดยจะเหมือนกับ CC คือเป็นดนตรีประกอบที่ฟังแล้วอาจจะไม่เข้าหูสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ติดเรื่องลิขสิทธิ์ และสามารถพอใช้เป็นดนตรีประกอบคลิปเบาๆ ได้เช่นเดียวกัน (รูป 12)
013
13. เนื่องจากเป็นเครื่องมือแบบ Cloud ซึ่งทุกอย่างอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของ Youtube ทั้งหมด ดังนั้นการเซฟงาน ในกรณีที่เป็นผลงานที่ชิ้นใหญ่ที่อาจจะต้องใช้เวลาในการทำนานมาก ก็ไม่ต้องกังวล เพราะระบบจะทำการเซฟให้คุณโดยอัตโนมัติตลอดเวลา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแฮงค์ เน็ตหลุด คอมพ์ดับ ฯลฯ งานที่ทำไว้ก็ยังคงอยู่ และคุณยังสามารถตั้งชื่อและเซฟแยกกันเอาไว้หลายๆ คลิปได้อีกด้วย (รูป 13)
014
14. สุดท้ายเมื่อตัดคลิปเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องนำออกมาเป็นคลิปวิดีโอเดียวให้คนอื่นได้ดูกัน โดยกดที่ปุ่ม Publish ที่อยู่มุมขวาบน ซึ่งขั้นตอนก็จะคล้ายๆ กับตอนอัพโหลดคลิปขึ้น Youtube นั่นแหละครับ เพียงเท่านี้คลิปก็พร้อมจะออกไปสูงสายตาประชาชนแล้ว (รูป 14)

นี่แหละครับคือเครื่องมือง่ายๆ จาก Youtube ที่สามารถจะให้คุณตัดต่อวิดีโอได้ตามต้องการ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเยอะ แต่ก็มีประโยชน์ในหลายๆ ด้านเหมือนกัน ยังไงลองนำไปใช้กันดูนะครับ

The post Youtube Editor ไม่ใช่แค่อัพ แต่ตัดฉับๆ ก็ appeared first on Comtoday.


Viewing all articles
Browse latest Browse all 86

Trending Articles